แหลมพรหมเทพ หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวภูเก็ตแล้วไม่ได้มาชมอาทิตย์อัสดงที่ แหลมพรหมเทพ ถือว่ายังมาไม่ถึงหรือ เรียกว่า เป็นเป็นการท่องเที่ยวที่ยังไม่สมบูรณ์ตามแบบฉบับของการมาเที่ยวเมืิองภูเก็ต แหลมพรหมเทพจัดเป็นหนึ่งใน จุดชมอาทิตย์ตกก่อนใครที่สวยที่สุดในเมืองไทย เป็นแหลมที่อยู่ใต้สุดของเกาะภูเก็ตห่างจากตัวเมืองประมาณ 19 กม.มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวสู่ท้องทะเล รอบข้างแวดล้อมด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกอยู่เรียงรายตาม ต้นหญ้าที่พัดพลิ้วด้านขวาเป็นหาดในหานและเกาะมัน ส่วนด้านซ้ายจะมองเห็นหาดในยะซึ่งเป็นหาดเล็ก ๆโดย ทั่วไป นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเที่ยวหรือพักที่หาดใด พอช่วงใกล้เย็นพากันมาชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ หากมาเที่ยวในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิด มีเมฆน้อย บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพจะสวยงามมาก หากมาในฤดูร้อนมีทุ่งหญ้าสีทองขึ้นปกคลุมสวยงามมาก มองเห็นเกาะแก้วน้อย เกาะแก้วใหญ่และเกามัน ส่วน ในฤดูฝนจะเป็น เป็นสีเขียวรอบๆ แหลมพรหมเทพเป็นโขดหินขนาดใหญ่ยามคลื่นลมแรงจะเห็นฟองคลื่นสีขาว กระทบโขดหินงดงามยิ่งนัก
ก่อนถึงแหลมพรหมเทพจะผ่านหาดราไวย์อาจแวะชมทิวทัศน์ที่หาดราไวย์ หรือนั่งรับประทานอาหารเย็นรับลม ทะเล ก่อนขึ้นเขาไปแหลมพรหมเทพ ระยะทางขึ้นประมาณ 695 เมตร มีลานจอดรถ จากลานจอดรถมี บันได ขึ้นไป ยังเนินเขา เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตก ก่อนพระอาทิตย์ตกนักท่องเที่ยวอาจเดินชมวิวอยู่ด้านบนถนน หรืออาจจะลง ไป ชมวิวที่ปลาย แหลมก็ต้องเดินลงไปอีกประมาณ 1 ก.ม. ซึ่งระยะทางการเดินก็ค่อนข้างชัน ต้องเดินลงไปด้วย ความระมัดระวัง
นอกจากความงามยามดวงตะวันลับฟ้าแล้ว แหลมพรหมเทพยังมี ประภาคารกาญจนาภิเษก เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติทรงครองราชย์ 50 ปีแล้ว ประภาคารแห่งนี้ยังใช้เป็นเครื่องหมายในการเดินเรือ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญแห่งท้องทะเลอันดามัน ภายใน
สิ่งอำนวยความสะดวก
มีลานจอดรถกว้างขวางคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ใกล้กับลานจอดรถมีร้านขายของที่ระลึก มีร้านอาหารและ เครื่องดื่ม คอยให้บริการหลายร้าน
การเดินทางไปแหลมพรหมเทพ
1.โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองภูเก็ตไปตามทางหลวงหมายเลข 4027 และ 4024 ผ่านหาดราไวย์และหาดในยะ จากนั้นตรงไปตาม ทางหลวงหมายเลข 4233 อีกประมาณ 650 ม. ก็ถึงลานจอดรถของแหลมพรหมเทพ ต้องเดินขึ้นบันได ไปบน เนินสูง เพื่อไปจุดชมวิว ถ้าต้องการชมทิวทัศน์ที่ปลายแหลมพรหมเทพ ต้องเดินต่อไปตามทางดินอีกประมาณ 1 กม. หรือจะชม
2. โดยรถโดยสารประจำทาง
นั่งรถสองแถม สายภูเก็ต-ราไวย์-ในหาน หรืออาจจะเหมารถแท๊กซี่่มาก็ได้
วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556
เกาะราชาหรือเกาะรายา
เกาะราชาหรือเกาะรายา เกาะราชาหรือเกาะราชาใหญ่ มีหาดทรายขาวสะอาด มีหาดทางด้านตะวันตกอยู่ระหว่างหุบเขาเป็นรูปคล้าย เกือกม้าเรียกว่า อ่าวปะตก มีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาดลักษณะคล้ายทะเลแถบหมู่เกาะสิมิลัน ทางใต้ทางใต้เกาะราชาตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะภูเก็ต ห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร มีพื้นที่ ทั้งเกาะกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร มีพื้นราบ และเนินเขา ที่มีความสูงไม่มากนัก ชาวบ้านได้เข้าไปทำการจับจอง ที่ดินทำสวนมะพร้าว สวนผลไม้ และอาศัยอยู่ ที่เกาะราชาใหญ่ประมาณ 16 ครอบครัว ส่วนพื้นที่ราบ ที่อยู่ติด ทะเลชาวบ้าน และนักลงทุนได้พัฒนาบางส่วนเป็นที่พัก และร้านอาหารสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวหากใคร ได้มา เที่ยวภูเก็ต โปรแกรมทัวร์ เกาะราชาหรือรายา เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เกาะราชามีชายหาดที่โค้ง ยาวสวยงามอยู่หลายแห่ง เที่ยวสะดวกเพราะมีเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติได้รอบเกาะต่างๆ
เกาะราชา
เกาะราชามีทั้งหมด 3 อ่าว ได้แก่ อ่าวตะวันตก หรือหาดปะตก ,อ่าวสยาม และอ่าวทือ ซึ่งสามารถเดินติดต่อ กันได้เกาะราชาจะแบ่งออกเป็นอ่าวใหญ่ 5 อ่าว ด้วยกันคือ
1. อ่าวตะวันตกหรืออ่าวปะตก
ซึ่งเป็นอ่าวที่สวยงามที่สุดบนเกาะราชา หาดทรายขาวสะอาดนุ่มเท้า เป็นอ่าวที่ เหมาะ กับการนอนชมวิว นั่งอาบแดด และเป็นที่ตั้งของรีสอร์หรู เดอะราชา และรายารีสอร์ท
2.อ่าวสยาม
เป็นอ่าวที่ยาวที่สุดของเกาะใช้เวลาเดินทางจากอ่าวปะตกเพียง 5 นาที อยู่ทางเหนือของเกาะบรรยากาศค่อนข้าง จะเงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านหาดด้านนี้มีลมพัดเข้ามาตลอด เลยทำให้มีคลื่นค่อนข้างสูงน้ำทะเลเลยดูขุ่น กว่าแต่ก็จะมีเรือนำนักท่องเที่ยวมาจอดแวะดำน้ำกันอยู่ตลอด เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่สวยงามที่สามารถ ยืนดูปะการังบนหาด หรือ ก้อนหินได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก ในช่วงน้ำลงเพราะเมื่อน้ำลดสุดๆปะการังครึ่งอ่าว จะโผล่มาชมท้องฟ้าพร้อมๆกัน
3.อ่าวทือ
เป็นอ่าวเล็กๆ ที่มีชายหาดไม่กว้างมากนัก ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะราชา
4. อ่าวขอนแค
อยู่ทางทิศเป็นจุดดำน้ำที่สวยงามและสมบูรณ์อีกของเกาะราชาจะมีปะการังเขากวาง ประการังอ่อน ที่หาดูได้ยาก
5. อ่าวหลา
หาดเล็กๆยาวประมาณ10-15เมตร ซึ่งเป็นจุดดำน้ำที่สวยที่สุดของเกาะราชาใหญ่
จุดดำน้ำของเกาะราชา่ มีทั้งหมด 3 จุด คือ อ่าวคอนแค,อ่าวหลา(จุดดำน้ำที่สวยที่สุด),และอ่าวสยาม ซึ่งการที่ทาง บริษัททัวร์ จะพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำตรงจุดใดบ้างนั้น ต้องดูช่วงเวลาด้วย ปัจจุบันเกาะราชาใหญ่ได้กลายเป็น แหล่งดำน้ำ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในทะเลอันดามัน เพราะน้ำทะเลรอบเกาะใสตลอดทั้งปี และมีปะการัง ที่มีความ สวยงามและสัตว์น้ำต่างๆ ที่หายากต่างจากจุดดำน้ำอื่นๆ เช่น ปะการังเขากวาง และปะการังสกุลแข็งชนิดต่างๆ ปลาไหลทะเล ปลากระเบน ปลาปักเป้า ปลาหมึกยักษ์
เกาะราชาน้อย
อยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ 10 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เกิด จากทับถมของหินปะการัง จึงมีโขดหินมากกว่าหาดทราย ทางด้านตะวันตกมีอ่าวเล็ก ๆ สำหรับจอดเรือ น้ำทะเลใสสีเขียวมรกต ไม่เหมาะเล่นน้ำ แต่เป็นแหล่งตกปลาที่มี ปลาชุกชุม
ท่องเที่ยวรอบเกาะราชาใหญ่
การเดินทางท่องเที่ยวรอบอ่าวต่างๆ บนเกาะราชาใหญ่เที่ยวสะดวกมาก เพราะมีเส้นทางเดินเท้าเที่ยวชมธรรมชาติ ได้รอบเกาะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ก็สามารถเที่ยวได้รอบเกาะ โดยหากมาเทีี่ยวในช่วงไฮซีซั่น(พ.ย.-เม.ย.) เริ่มจากอ่าวปะตก เดินๆไปเรื่อยๆผ่านอ่าวสยาม จากอ่าวสยามไปอ่าวทือ ที่อ่าวทือในตอนเช้ามีจุดชมวิว พระอาิทิตย์ขึ้น ที่สวยงาม สามารถมองเห็นเกาะพีพี ได จากอ่าวทือก็ต่อไปยังอ่าวขอนแค และจากอ่าวขอนแคก็ มาบรรจบที่อ่าวปะตก
กิจกรรมที่น่าสนใจบนเกาะราชาใหญ่
- ดำน้ำลึก สะคูบ้า มี Dive site ประมาณ 15 แห่ง รามไปถึงเกาะราชานุ้ย(น้อย) ที่อยู่ติดกัน
- ดำน้ำตื้น สนอคเกอร์ สวยมาก พอๆกับ เกาะเต่า หรือสุรินทร์ หรือสิมิลัน
- ตกปลา หรือตกหมึก อันนี้ก็สนุก ตกแถวชายฝั่ง หรือนั่งเรือตกในคืนเดือนสว่าง
- เดินป่าพักแรม เกาะราชามีภูเขาอยู่กลางเกาะสูงประมาณ 300 กว่า สภาพเป็นป่าดิบ มีจุดชมวิวสวย
การเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะราชาหรือเกาะรายา
แบบไปเช้าเย็นกลับ
- เรือสปีดโบท์โดยซื้อทัวร์ืแบบไปเช้าเย็นกลับจากท่าเรืออ่าวฉลอง ซึ่งมีให้เลือกมากมาย หรือหากต้องการ เหมาลำก็คิด อัตราตามจำนวนคนต่อเครื่องยนต์ เช่น 10 -15 คน 1 เครื่องยนต์ ราคาประมาณ 6000-7000
16 - 30 คน
2 เครื่องยนต์ ราคาประมาณ 10000 - 12000 บาทใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 -40 นาที - เรือหางยาว คิดอัตรา ตาม จำนวนคน ต่อเที่ยว ราคาประมาณ 2000-3000 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 - 1.30 ชม.สถานที่ติดต่อเรือ บริเวณอ่าวฉลองหรือหาดราไวย์
กรณีค้างคืน
กรณีต้องการมาพักค้างคืนเกาะราชาไม่มีเรือโดยสารข้ามฟากจะมีเรือวิ่งประจำเฉพาะเรือทัวร์(1 day tour) และ เรือส่งของและเรือของรีสอร์ทต่างๆ การเดินทางต้องไปกับเรือทัวร์ หรือเรือจากรีสอร์ทต่างๆ
สิ่งอำนวยความสะดวก
เกาะราชาเป็นเกาะอนุรักษ์ไม่มีไฟฟ้าใช้(ใช้เครื่องปั่นไฟในแต่ละสถานที่)มีร้านค้าของชำบริการที่โรงแรมเดอะราชา ราคาสินค้า ค่อนข้างแพงในทุกอย่าง ประมาณ 2 - 3 เท่าของสินค้าราคาปกติ ไม่มีสถานีอนามัย หรือโรงพยาบาล มีเพียงสถานพยาบาลเป็นของโรงแรม เดอะราชาใช้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นเกาะราชาจึงยังคงความสงบ และความ เป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างสวยงาม
เกาะเฮหรือคอรัลไอแลนด
เกาะเฮหรือคอรัลไอแลนด เป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากชายฝั่งภูเก็ตประมาณประมาณ 10 ก.ม. เป็นอีกหนึ่งเกาะยอดนิยมของจังหวัดภูเก็ต ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้โดยง่าย โดยเรือสปีดโบ๊ทเพียง 10-15 นาที และโดยเรือหางยาวประมาณ 45 นาที ซึ่งเป็นเกาะที่เดินทางค่อนข้างสะดวกและเสียค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก
เกาะเฮ เป็นเกาะที่มีหาดทรายอันขาวละเอียด มีปะการังน้ำตื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์ น้ำทะเลใส มองเห็นฝูงปลาแหวก ว่ายมากมาย โลกใต้น้ำที่อยู่ทางด้านตะวันตก มีปะการังสมอง ปะการังผักกาด ปะการังเขากวางปะการังจาน เป็น แนวยาว และเหล่าปลาน้อยใหญ่ หลากสีสันสวยงาม เช่น ปลาผีเสื้อ ปลาโนรี ปลานกแก้ว ปลาสินสมุทร สามารถ ดำน้ำแบบสนอร์เกิลใช้หน้ากากดำน้ำและท่อหายใจก็สามารถเห็นโลกใต้ทะเลที่สวยงาม ด้านหลังของเกาะยังมี ชายหาดสวย ขาวสะอาด น้ำทะเลใส ก็เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เหมาะที่จะไปเที่ยวแบบไปเช้าไปบ่ายกลับ บนเกาะมีร้านขายอาหารเครื่องดื่มให้บริการบริเวณด้านหน้าเกาะ
กิจกรรมที่น่าสนใจบนเกาะเฮ
มีกิจกรรมทางน้ำต่างๆ อาทิ เล่นเจ็ตสกี บานาน่า โบ๊ท เรือลากร่ม หรือดำน้ำชมปลา ชมปะการัง พาราเซล ซีวอค เกอร์
การเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะเฮ
แบบไปเช้าเย็นกลับ
- เรือสปีดโบท์โดยซื้อทัวร์ืแบบไปเช้าเย็นกลับจากท่าเรืออ่าวฉลอง ซึ่งมีให้เลือกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่โปรแกรม ท่องเที่ยวจะมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเที่ยวเกาะเฮทั้งวันเพียงเกาะเดียว หรือ เที่ยวเกาะเฮและเกาะราชาซึ่ง โปรแกรมอย่างหลังจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากกว่า - เรือหางยาว คิดอัตราตามจำนวนคน ต่อเที่ยว ราคาประมาณ 2000-3000 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีสถานที่ติดต่อเรือ บริเวณอ่าวฉลองหรือ หาดราไวย์
กรณีค้างคืน
กรณีต้องการมาพักค้างคืนบนเกาะเฮมีที่พักเพียงแห่งเดียว คือ คอรัลไอแลนด์ รีสอร์ท
เมืองเก่าภูเก็ต ชิโนโปรตุกีส
เมืองเก่าภูเก็ต ชิโนโปรตุกีส ภูเก็ตยังจัดว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองอันยาวนานอีกเมืองหนึ่งของไทยโดยหนึ่งในรอยอดีต อันรุ่งเรืองของภูเก็ตตึกเก่าแบบชิโน-โปรตุกีสถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2446 เนื่องจากการทำเหมือง แร่ที่เติบโตทำให้ชาวจีนและชาวตะวันตกต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองภูเก็ตเป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่เขตเทศบาล เมือง ภูเก็ตสิ่งแรกที่ผู้ไปเยือนจะรู้สึกสะดุดตาก็คือตึกเก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านการค้าเก่าเเก่ของเมือง เป็น อาคารสไตล์ "ชิโนโปรตุกีสที่ผสมผสานเอาความเป็นศิลปะตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่าง กลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์ ์ที่โดดเด่นของเมืองภูเก็ต ตึกเก่าเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วตัวเมืองภูเก็ต สามารถเดินชมได้อย่างต่อ เนื่อง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยหลายเจ้าให้เที่ยวไปกินไปอย่างเพลิดเพลินและทางเทศบาล เมืองภูเก็ต ก็ได้เห็นถึงความสำคัญของ สถาปัตยกรรมเหล่านี้ โดยได้ทำการอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสนี้ ไว้และจัดให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ของการท่องเที่ยว จัดให้มีเส้นทางเดินชมเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ สัมผัสกับความสวยงามของบ้านเรือนเก่าแก่ของภูเก็ตและสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส ที่สวยงาม พร้อมๆกับได้ สัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ของคนภูเก็ตและที่สำคัญอาหารอร่อยเลื่องชื่อการเดิน ชมเมืองเก่า เสน่ห์แห่ง ชิโนโปรตุกีส เป็นเส้นทางประวัติศาสต์ ที่ควรค่าแก่การศึกษายิ่ง
แม้ว่าตึกเก่าเหล่านี้จะกระจายอยู่ทั่วเมืองภูเก็ต แต่ย่านที่มีอาคารเก่าหนาแน่น คือ ถ. ดีบุก กระบี่ ถลาง และ เยาวราช เนื่องจากถนนเหล่านี้เป็นย่านเก่าของภูเก็ตประวัติ ในอดีตเมืองท่าสำคัญทางฝั่งตะวันตกของแหลมมลายู มีชาวจีนเข้ามาค้าขายกันมาก ก่อนตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก เช่น เมืองมะละกา มีโปรตุเกส ฮอลันดา และอังกฤษ ผลัดเปลี่ยนกันครอบครอง และนำรูปแบบศิลปวัฒนธรรมเข้ามาเผยแพร่ สถาปัตยกรรมจึงมีลักษณะ ผสมผสานกันระหว่างศิลปะตะวันตกและศิลปะตะวันออก เรียกว่า อาคารแบบโคโลเนียล จากนั้นก็ส่งอิทธิพลไป ตามเมืองท่าต่างๆอย่างสิงคโปร์ และปีนังซึ่งมีสายสัมพันธ์โดยตรงกับภูเก็ต
รูปแบบตึกสิ่งน่าสนใจ
สถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีสแบ่งเป็นสองประเภทคือ
ตึกแถว หรือ "เตี้ยมฉู่" และคฤหาสน์หรือ "อั่งม้อหลาว อั่งม้อหลาวเป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน "อั่งม้อ" แปลว่า ฝรั่ง หรือชาวต่างชาติ ส่วนคำว่า "หลาว" แปลว่า ตึกคอนกรีต อั่งม้อหลาว ก็คือคฤหาสน์แบบฝรั่งที่นายหัวเหมืองแร่ของ ภูเก็ตสร้างเป็นที่อยู่อาศัยในสมัยนั้น โดยบ้านหลังแรกที่สร้างขึ้นตามแบบชิโน-โปรตุกีส โดยช่างชาวจีนจากปีนัง ก็คือ บ้านชินประชาของพระพิทักษ์ ชินประชา นายเหมืองต้นตระกูลตัณฑวนิชตั้งอยู่ถนนกระบี่ ถือว่าเป็นต้น แบบของบ้านคหบดีจีนที่กระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองภูเก็ต ตึกแถวเป็นอาคารสองชั้นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยู่อาศัย ลักษณะ ลึกและแคบ ชั้นล่างแบ่งพื้นที่ใช้สอยไปตามความลึกได้ถึงห้าส่วนด้านหน้าเป็นร้านค้าหรือสำนักงาน ถัดไปเป็น ห้องรับแขก ห้องพักผ่อน ห้องอาหาร ห้องครัว ภายในอาคารมักมีฉิ่มแจ้ หรือบ่อน้ำบาดาลหนึ่งบ่อและเจาะช่อง ให้อากาศถ่ายเทและแสงส่องเข้าอาคาร ตึกแถวในภูเก็ตจึงเย็นสบาย ส่วนที่ชั้นสองเป็นห้องนอนหน้าตึกแถวมีทาง เดินเท้า ทำเป็นช่องซุ้มโค้งเชื่อมกันไปตลอด ทั้งแนวตึกแถว เรียกว่า อาเขต (arcade) โดยมีชั้นบนยื่นล้ำ ออกมา เป็น หลังคากันแดดกันฝนซึ่งตกเกือบตลอดปี นับเป็นสถาปัตยกรรมที่สัมพันธ์กับ สภาพภูมิอากาศอีกทั้งยัง แสดง ให้เห็นถึงความเอื้ออาทร ของเจ้าของบ้านกับผู้สัญจร ที่ชั้นสองด้านหน้าอาคารเน้นการ เจาะช่องหน้าต่างเป็น ซุ้มโค้งคูหาละสามช่อง ขนาบข้างด้วยเสาแบบกรีก และโรมัน บนพื้นผนังตกแต่งด้วยลายปูนปั้นทั้งแบบจีน และ ตะวันตก ผสมกันอย่างลงตัว สามารถเดินชมได้ทั่วทั้งถนนถลาง ดีบุก พังงา กระบี่และเยาวราชนอกจากนี้ย่าน โคมเขียว โคมแดงในอดีตที่ซอยรมณีย์ก็มีตึกสีสันสวยแปลกตากว่าถนนไหนๆ
เส้นทางการเดินชมตึกเก่าชิโนโปรตุกีส
ช่วงที่ 1 ณ ถนนภูเก็ต ถนนรัษฎา และถนนระนอง
เริ่มจากศูนย์รวมข่าวพรหมเทพ เริ่มจากศูนย์รวมข่าวพรหมเทพ ซึ่งตั้งอยู่หัวมุมถ.พังงาตัดกับถ.ภูเก็ต เมื่อเดินลง มาตามทิศใต้ เลี้ยวขวาเข้าถ.รัษฎาไปจนถึงวงเวียนสุริยเดช และตรงไปตามถ.ระนอง ผ่านตลาด จนถึงบริษัท การบินไทยซึ่งช่วงนี้จะได้พบกับตึกสวยงามมากมาย อาทิ ศูนย์รวมข่าวพรหมเทพ อาคารสีขาว 2 ชั้น ที่โดดเด่น ด้วยหอนาฬิกาสูง 4 ชั้น มีหลังคาคล้ายรูปหมวกตำรวจสมัยก่อน ช่องประตูหน้าต่างแบ่งเป็นช่องโค้งมีเสาอิงแบ่ง เป็นช่วง ประดับลายปูนปั้นบนยอดซุ้มโค้งสวยงามและโรงแรมถาวร โรงแรมเก่าแก่ ที่เมื่อเข้าไปภายในโถง โรงแรมและส่วนคอฟฟี่ชอป จะได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองภูเก็ตผ่านนิทรรศการ ภาพถ่าย และมีเครื่องเรือน ตู้โทรศัพท์ เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ของคนงานในเหมืองให้ได้ชมอีกด้วย
ช่วงที่ 2 ถนนพังงา ถนนภูเก็ต และถนนมนตรี
เริ่มต้นที่มุมถ.ระนองตัดกับถ.เยาวราช บริเวณวงเวียนสุริยเดช เดินไปตามถ.เยาวราช 70 ม.เลี้ยวขวาเข้าถนนพังงา จนถึ สี่แยกตัดกับถนนภูเก็ต ซึ่งช่วงนี้อาจเลี้ยวซ้ายตามถ.ภูเก็ต ข้ามไปสี่แยกถ.มนตรีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถ.มนตรี เส้นทางช่วงนี้เป็นเส้นที่มีตึกแถวเก่า ศาลเจ้าเก่า อาคารสาธารณะ อาคารราชการ ซึ่งแต่ละที่ล้วนแล้วแต่มี สถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่งดงาม
ช่วงที่ 3 ถนนถลางและซอยรมณีย์
เป็นถนนสายประวิติศาสตร์อันเก่าแก่ ตรงช่วงนี้จะมีอาคารตึกแถวเก่าที่มีรูปแบบเดิมๆเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นจำนวนมากโดยมีจุดเด่นอยู่ตรงที่มีการเปิด ช่องทางเดินเอาไว้เหมือนในอดีต ซึ่งเส้นทางนี้เริ่มต้นจากสี่แยกถ.ถลางตัดกับถ.ภูเก็ตไปจนสุดสี่แยกตัดกับ ถ.เยาวราช มีตึกแถวกว่า 151 คูหาโดยมีตึกแถวที่น่าสนใจตรงช่วงตึกแถวบ้านเลขที่ 107 ถึง 129 ที่ตัวตึกมี รูปแบบการตกแต่งช่องหน้าต่างโค้งตามแบบสถาปัตยกรรมยุคนีโอคลาสสิค มีลวดลายที่ดงามเน้นธรรมชาติเถาไม้ ใบไม้ และรูปสัตว์ และก็มีตึกแถวตรงฝั่งเลขคู่ช่วงปลายถนน ซึ่งตึกแถวบริเวณนี้มีลักษณะเด่นอยู่ที่ประตูด้านหน้า เป็นแบบบานเฟี้ยมไม้เก่าแก่ ช่วงเสาจะกว้างเท่ากับตึก 2 คูหารวมกัน มีการนำศิลปะการเจาะช่องหน้าต่างและ ลวดลายปูนปั้นแบบอาร์ตเดโคมาใช้ได้อย่างกลมกลืนและสวยงาม
ช่วงที่ 4 ถนนกระบี่ และถนนสตูล
เริ่มจากถ.กระบี่บริเวณแยกถ.เยาวราช เดินไปทางตะวันตกจนถึงสามแยกตัดกับถ.สตูล เดินตรงไปถึงบ้าน คุณประชา ตัณฑวณิช ย้อนกลับมาจนถึงสามแยกตัดกับถ.ดีบุก เส้นทางสายนี้มีอาคารเก่าที่ชวนชม อย่างอาคาร พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เป็นตึก 2 ชั้น ชั้นล่างมีซุ้มโค้งเตี้ยขนาดใหญ่ 3 ซุ้ม มีเสากลมรับโค้ง หัวเสาประดับ ด้วยลายบัวแบบกึ่งไอโอนิค และคอรินเธียน ผนังอาคารเซาะร่องขนาดใหญ่ เรียกว่า Rustication ชั้นบนมี ซุ้ม หน้าต่าง 3 ซุ้ม มีช่องหน้าต่าง 2 ช่องกรอบหน้าต่างด้านบนเป็นจั่วโรมัน บานหน้าต่างไม้สี่เหลี่ยม มีลวดลาย เรขาคณิต เหนือซุ้มช่วงกลางมีหน้าจั่วปูนปั้นรูปค้างคาว และช่วงถนนนี้ยังมีร้านอาหารท้องถิ่นจำนวนมาก เพื่อว่า เดินไปแล้วหิวก็แวะเช้าไปชิมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านสุนทรโอชาขายข้าวต้มและอาหารพื้นเมือง ร้านขนมจีนป้ามัย ร้านหมี่แป๊ะแถว
ช่วงที่ 5 ถนนเยาวราช ตรอกสุ่นอุทิศ ถนนดีบุก
ช่วงนี้เริ่มจากแยกถ.ดีบุกตัดกับถ.สตูล เดินตามถ.ดีบุกจนถึงสี่แยกตัดกับถ.เยาวราช พอเลี้ยวขวาเข้า ถ.เยาวราช จะได้สัมผัสกับบรรยากาศตึกเก่าและแวะลิ้มรสอาหารอร่อยในตรอกสุ่นอุทิศ แล้วย้อนกลับมา สี่แยกเลี้ยวเข้า ถ.ดีบุก อีกช่วงหนึ่งจะเข้าสู่ซอยรมณีย์ การเดินชมเมืองในช่วงนี้จะได้สัมผัสกับความหลากหลาย ของตึกชิโน โปรตุกีส ที่หาดูได้ยาก อย่างที่บ้านหลวงอำนาจนรารักษ์ เป็นบ้านที่มีความงดงามโดดเด่นอยู่ที่ลายปูนปั้นตั้งแต่ หัวเสาแบบคอมโพสิต และช่วงคานเหนือเสา เป็นศิลปะแบบกรีกยุคคลาสสิคผสานกับปูนปั้นลายค้างคาว ลายหงส์ ลายเมฆ รวมทั้งลายใบไม้ และผลไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์มงคลของคนจีน
และสุดท้าย ช่วงที่ 6 ถนนกระษัตรี
ช่วงนี้เป็นช่วงต่อจากเส้นทางเดินที่ซ.รมณีย์ เลี้ยวซ้ายทะลุออกถ.ถลาง เมี่อถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายเดินตาม ถ.เทพกระษัตรี พอถึงแยกตัดกับถ.ดีบุก อาจแวะชมบ้านเก่าแล้วย้อนออกมาตามถ.เทพกระษัตรีอีกครั้งจนไปสิ้น สุดเส้นทางที่คฤหาสน์ตระกูลหงส์หยก หรือบ้านหลวงอนุภาษภูเก็ตการ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างในสมัยร. 7 ด้านหน้า อาคารเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมกลมขนาดใหญ่ที่รถยนต์เข้าไปจอดเทียบได้ ชั้นล่างเป็นซุ้มโค้งเตี้ย 3 โค้ง หัวเสา จะเป็นแบบดอริก ผนังเซาะเป็นร่องลึก คล้ายแนวหินก่อ ชั้นบนเป็นระเบียง มีลูกกรงปูนปั้นประดับ หลังคาทรง ปั้นหยา ด้านปีกซ้ายมีช่องแสงเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมประดับด้วยบานเกล็ดไม้ ด้านปีกขวาตกแต่งช่องแสงด้วย กระจกสีต่างๆ กรุในกรอบสี่เหลี่ยมมีรูปวงกลมอยู่ข้างใน นับว่าเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ งดงามทางด้าน สถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก
จากเรื่องราวของตัวตึกเก่าที่ยังคงมีชีวิตชีวาของผู้คนเด่นชัด อีกความน่าสนใจในย่านนี้ก็คือ การชิมอาหาร พื้นเมืองภูเก็ต ซึ่งอาหารส่วนใหญ่เป็น อาหารจีนฮกเกี้ยนและปีนัง อาหารเผ็ดร้อนแบบไทยภาคใต้และ อาหารมุสลิม
มื้อเช้า
คนภูเก็ตไม่ค่อยกินข้าวเป็นอาหารเช้า ส่วนมากจะนิยมเป็นติ่มซา หรือโรตี มะตบะ กับชาร้อน สำหรับร้านติ่มซำ แนะนำร้านสมชายกิตติ ที่ขายทั้งติ่มซำกลั้วกับกาแฟร้อนสูตรโบราณที่นี่เขาเสิร์ฟทีเดียวนับสิบชนิด ไม่ว่าจะ เป็นขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า สาหร่าย ปูทอด ลูกชิ้นปลา ฯลฯ จะเลือกกินอะไรก็ได้ คิดเงินตามจำนวน ถ้วย เปล่าเท่านั้นส่วนโรตีแกงข้ามสู่ถนนถลาง เดินไปเพียงไม่กี่เมตร ด้านซ้ายมือ ก็จะพบกับรา้นอรุณโภชนา ร้านชื่อ ดังย่านถนน ถลาง เปิดขายตั้งแต่ 6.30 - 17.00 น. ซึ่งเป็นร้านขายอาหารของมุสลิม ทั้งโรตีแกง มีให้เลือก ทั้งแกงเนื้อ แกงไก่ รวมถึงเมนูเด็ดอื่นๆที่เจ้าของร้านคุณมนัสดา ดา เจ้าของ ร้านอรุณโภชนา แนะนำมา ทั้ง ซุปเนื้อ ข้าวหมกไก่ และเมนููสุขภาพ ข้าวยำปัตตานี และมะตะบะได่ ที่ได้รับรางวัลโดยกรมสุขภาพ
ช่วงเที่ยง-บ่าย
ส่วนมื้อเที่ยงก็นิยมกินหมี่กัน อย่างหมี่ฮกเกี้ยน เส้นหมี่เหลืองกลมใหญ่ผัดซีอิ๊ว หรือนำมาปรุงเป็นหมี่น้ำ ใส่ซุป และเครื่องซีฟู้ด หมี่หุ้นปาฉ่างก็รสชาติดี เป็นเส้นหมี่ขาวผัดแห้งโรยหอมเจียว กินกับซุปกระดูกหมูช่วยให้คล่องคอ สำหรับคนที่ชอบเครื่องในต้องโลบะ สารพัดเครื่องในหมูปรุงกับเครื่องพะโล้แล้วทอดกินกับเต้าหู้ทอด และน้ำจิ้มรส หวาน หรืออาหารชื่อแปลกโอต๊าว หน้าตาคล้ายหอยทอด ใช้หอยนางรมผัดกับแป้ง เผือก และไข่ ที่อร่อยและ แนะนำให้ชิมก็คือกะหรี่ไหมฝัน เส้นหมี่กับแกงกะหรี่ แต่เจ้าเส้นหมี่ที่ว่าหน้าตาค่อนไปทางขนมจีนเส้นเล็กเสีย มากกว่าราดด้วย แกงกะหรี่ไก่ ใส่เลือดหมู เต้าหู้ ผักบุ้ง ถั่วงอก ก่อนกินอย่าลืมบีบมะนาวเพิ่มรสชาติ จะว่าไป รสชาติก็คล้ายกับข้าวซอยของทางเชียงใหม่ในภาคเหนืออยู่เหมือนกัน แนะนำร้านสมจิตต์ หมี่ฮกเกี้ยน แถวๆ หอนาฬิกาน้ำที่เรียกว่าหมี่เช็ค ซึ่งพี่สมจิตต์ ปัญจะมีดิถี เจ้าของร้านบอกว่า เป็นสูตรมาจากรุ่นอากงคือแป๊ะหัง ที่มา เปิดขายเป็นเจ้าแรกในภูเก็ต กว่าจะตกมาถึงรุ่นที่สามก็ 60 กว่าป ีน้ำซุปที่นี่หวานหอมจนเป็นเอกลักษณ์ ต้มด้วย กุ้งทั้งเปลือก ใครสั่งหมี่แห้งอย่าลืมขอน้ำซุปมาซดพร้อมกันไปด้วยบ่าย ๆ หาก เหนื่อยหรือหิว ที่แยก ถนนเยาวราชตัดกับถนนดีบุกก็เป็นแหล่งรวมของกินพื้นเมืองชั้นดี ทั้งโลบะที่เป็นส่วนของหัวหมู และเครื่องใน ต้มพะโล้ จากนั้นนำไปทอดจนเหลืองกรอบ ถ้าอยากลองแห่จี่ที่เป็นแป้งผสมถั่วงอก โรยหน้าด้วยกุ้งสดทอด หรือ เกี้ยน ที่ทำจากหมู ปู กุ้ง สับรวมกับมันแกวและเผือก ห่อด้วยแผ่นฟองเต้าหู้แล้วทอดจนน่ากินก็สั่งรวมกันได้ ได้ จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ถามอย่างไรพี่เขาก็ไม่ยอมบอกสูตร อร่อยจนลืมไปเลยว่าเพิ่งกินเที่ยงมา
ใกล้ๆกันบนถนนเยาวราชที่ซอยสุ่นอุทิศที่นี่เป็นแหล่งรวมของอร่อยของชาวภูเก็ตที่เรียงรายกันไปด้วยรถเข็น สามสี่ร้าน เริ่มกันที่คันแรก อาโป๊งแม่สุณี ขนมฮกเกี้ยนโบราณ ทำจากแป้งน้ำตาล กะทิ ไข่ นำมาผสมให้เข้ากัน แล้วทอด พอสุกก็ม้วนเป็นกระบอกคล้ายทองม้วน ต่างกันตรงไม่มีไส้ หอมหวานถูกใจเด็ก ๆ ดีทีเดียว ถัดไปเป็น ร้านขายขนมหวานโอ้เอ๋วที่มีอยู่ถึง 2 ร้าน และเป็นร้านเก่าแก่ทั้งคู่ คือ โกโรจน์และแป๊ะเอ้ง โอ้เอ๋วเป็นขนมกิน เล่นดับร้อนของคนภูเก็ต ลักษณะเป็นวุ้นทำจากกล้วยน้ำว้าขยำกับเม็ดโอ้เอ๋ว โปะด้วยน้ำแข็งไสราดน้ำเชื่อม ร้อน ๆ อย่างนี้ได้ลองสักถ้วยแสนจะชื่นใจในสุดคือหมี่หุ้นป้าฉ่าง หรือบางคนเรียกป้าช้าง หมี่หุ้นคือหมี่ขาวที่ผัดกับซีอิ๊ว โรยด้วยหอมเจียวและต้นหอม หมี่หุ้นกับน้ำซุปกระดูกหมูของป้านั้นชามเล็ก ๆ น่ารัก แต่รสชาติไม่เล็กเหมือนชาม
การเดินทางไปชมตึกเก่า
เริ่มจากตัวเมืองภูเก็ตหากไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งมอเตอร์ไซต์ราคาประมาณ 40-50 บาท ให้มาส่งที่ย่านเก่า หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองต่างๆ ด้วยเท้าไปเรื่อยๆสำหรับผู้ที่มีรถส่วนตัว็สามารถจอดรถ ในจุดไหนที่สะดวกใน บริิเวณใกล้้เคียงแล้วค่อยเดินมา เพราะหากจอดรถแถวย่านเก่าอาจจะหาที่จอดยาก
จุดชมวิวเขาขาด ภูเก็ต
หอชมวิวเขาขาด เป็นจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่ง ของจังหวัดภูเก็ต สร้างขึ้นตามโครงการขององค์การบริหาร ส่วน ตำบลวิชิต (อันนี้ต้องให้เครดิตเค้าหน่อย) ตั้งอยู่ในตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวมะขาม ใกล้กับแหลมพันวา จุดชมวิวเขาขาดเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ของเมืองภูเก็ตที่มีจุดชมวิวมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถชมวิวได้ 360 องศา และแน่นอนว่าชมวิวได้ 360 องศาอย่างแท้จริงที่นี่คือ “จุดชมวิวเขาขาด” หากพูดถึงจุดชมวิวแห่งนี้ไม่เป็นที่รู้จักมากนักไม่ว่าจะในหมู่นักท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งคนพื้นที่เองเพราะเพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน และตำแหน่งก็อยู่ในโซนที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวอันโด่งดังของภูเก็ตแต่จุดชมวิวแห่งนเป็นมุมมองใหม่ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้จุดอื่น ๆของภูเก็ตเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงจุดชมวิวแล้วจะมีลานจอดรถและห้องน้ำอยู่ด้านล่างโดยการขึ้นไปจุดชมวิวเพื่อให้เห็นวิวสวยนั้นต้อง ขึ้นไปหอคอยเป็นหอชมวิวลักษณะ แปดเหลี่ยม เมื่อเดินทางขึ้นไปบนหอชมวิวนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพ โดยรอบ บริเวณหอชมวิวเขาขาดมี ทัศนียภาพ ที่เป็นเอกลักษณ์ใน มุมสูงี่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ถึง 360 องศา ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เข้าเที่ยวชมและสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ตระการตาแห่ง ท้องทะเลอันดามัน และความสวยงาม ของ ทิวทัศน์ รอบเกาะภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นอ่าวฉลอง แหลมพันวา เกาะสิเหร่ รวมถึงตัวเมืองภูเก็ตอีกด้วย โดยในจุดชมวิวแต่ละมุมก็ จะมีป้ายอธิบายว่าแต่ละจุดคืออะไรบ้าง หากใครที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวเมืองภูเก็ตและไม่ได้แวะมาชมจุดชมวิวเขาขาดในมุม 360 องศาแล้ว รับรองจะต้องเสียใจ และเสียดายมาก
ซ้าย : มองเห็นตัวเมืองภูเก็ตอย่างชัดเจน
ขวา : เขาด้านหน้าคือแหลมพันวา
ด้านทิศตะวันออก : สามารถมองเห็นท่าเรือน้ำลึกและเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ด้านเหนือของภูเก็ต
ไม่ว่าจะเป็นอ่าวมะขาม อ่าวภูเก็ต แหลมพันวา เกาะไม้ท่อน เกาะสิเหร่ แหลมอ่าวมะขาม เกาะตะเภาน้อย เกาะตะเภาะใหญ่
ด้านทิศตะวันตก : จะมองเห็นอ่าวฉลอง ซึ่งมีเรือจอดอยู่เต็มไปหมดปากคลองมุดง
นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นพระใหญ่ (พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี)ตั้งตะหง่านอยู่บนเทือกเขานาคเกิดอีกด้วย
การเดินทางไปจุดชมวิวเขาขาด
การเดินทางสู่เขาขาดนั้นสามารถเดินทางได้ด้วยรถส่วนตัวหรือการเหมารถมาเท่านั้น ไม่มีรถรับจ้างประจำทางเข้ามาถึง เส้นทางที่สะดวกที่สุด คือ เส้นทางถนนศักดิเดช ไปตามเส้นทางอ่าวมะขาม ก่อนถึงแหลมพันวา จะมีทางเข้าซอยไปยังเขาขาดระหว่างทางได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของอ่าวยน มีบรรดาเรือยอช์ทลำเล็กลำน้อยวางเรียงรายอยู่บนผิวน้ำอย่าง เป็นระเบียบ และตลอดสองข้างทางยังมีธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์หนทาง ก็ดูซับซ้อนเล็กน้อย แต่ไม่สับสนแน่นอน เพราะเค้ามีป้ายบอกทาง อันเล็กๆ อยู่ตลอดแนวถนน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)